ไออุ่นสันติภาพลอยล่องผ่านแรงลม
สารอินโดรฟินหลั่งไหลเคลิ้มฝัน
สันติภาพมีอยู่ทุกที่ทั่วสารทิศ
การปฏิวัติของมนุษย์ต่างดาว
ทำให้โลกใบนี้แปรเปลี่ยนไป
บนดาวเคราะห์ดวงใหม่เจิดจรัส
ผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส
ไม่มีใครตายเพราะความหิวโหย
ทฤษฏีการทำอาวุธนิวเคลียร์สาบสูญ
สังคมไม่มีความเหลื่อมล้ำแบ่งชนชั้น
อาวุธสงครามถูกทำลายล้างจนหมดสิ้น
องค์กรก่อการร้ายยุติการเคลื่อนไหว
ทุกคนให้เกียรติช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
ความเห็นแก่ตัว ไม่มีบัญญัติในพจนานุกรม
อากาศสดใสปรอดโปร่งบริสุทธฺิ์
ทันใดนั้น
แสงสว่างจากดวงอาทิตย์ทะแยงตาสลั่วๆ
ฉันเริ่มรู้สึกตัวในขณะที่ยังหลับ
แต่พยายามควบคุมวิญญาณให้อยู่ในความฝัน
ฉันจึงปิดประตูทุกบานแล้วขังตัวเองในนั้น
สันติภาพไม่มีอยู่ในโลกแห่งความเป็นจริง
ความฝันจึงเป็นสิ่งที่ฉันปราถนา


ลมเหนือพัดผ่านแผ่วๆ
ดอกหญ้าเหลืองอร่ามใต้ยอดธงสูง
ม่านเมฆสีเทาปกคุลมจักรวาล
สีแสดสลั่วๆที่เส้นขอบฟ้า
ใกล้ดวงอาทิตย์จะตกดิน
คล้ายสมรู้กับการจากลา
ให้บรรยากาศเศร้าๆอิงน้่ำตา
วันนี้จากกันไป
เสร็จสิ้นงานปริญญา
พรากแล้ว
คงได้เจอกันใหม่
ปลายทางกวีนี้
ขอดุอาประทานพร
ให้รุ่นพี่สุขสมหวัง
ทั้งโลกนี้และโลกหน้า


วันนี้วันอาไร
ใส่ครุยสีดำนั่นใคร
แน่นอนไม่ใช่งานศพ
ดอกไม้สะพรั่งทั่วมหาลัย
ไม่รู้งอกโงยตอนไหน
มาถ่ายรูปกัน
ซุ้มสวยๆทั้งนั้น
งานเลี้ยงเลิกรา
ไปคืนเสื้อครุยด้วย
ดอกไม้เหี่ยวเฉาไร้วิญญาณ
ไปเก็บซุ้มด้วย
เก็บในทั้งขยะ
ค่ารับปริญญาจ่ายแล้ว
เงินที่ยืมมายังไม่ชำระ
จากตู้ ATM ตู้เดิม
เจ้าหนี้ไม่เคยทวง
หรือเขาไม่เคยคิดจะเอาคืน


เมื่อตัวเลขในกระดาษ
เกือบจะฆ่าเธอ
หลังจากผ่านสมรภูมิ
สมรภูมิการบที่ดุเดือด
เธอก็เปลี่ยนไป
เธอเก็บตัว
อยู่ในกรอบสี่เหลี่ยม
พูดคุยกับหน้าจอสี่เหลี่ยม
เปลี่ยนจากมนุษย์
เธอเป็นเพื่อนกับหนังสือ
สุดท้าย
เธอก็ได้กระดาษแผ่นนั้น
กระดาษแผ่นนั้นแผ่นเดียว
เธอ เธอ
เธอลืมอะไรบางอย่างไปหรือเปล่า
เธอลืมกระบี่ไว้ในสนามรบ




เมื่อวันวาน พ...เขมือบร่างของพ่อ

จากข้ออ้างอันเลื่อนลอยที่บิดเบือน

เพื่อนๆมองหนูน้อยแปรผันเป็นคนแปลก

ความเงียบขรึมและเศร้าโศกคลืบคลาน

แววตาคมกริบด้วยเพลิงไฟแห่งความแค้น

ใครเล่า จะคลี่คลายความคลุมเครือที่ครอบคลุม

อนาคตเลือนรางปลิวโปรยไร่ทางไร่ทิศ

จากนักเรียนหนูน้อยผันแปรเป็นนักรบ

สิ่งที่เกิดใครเล่าใครจะรับผิดชอบ





ดอกไม้สีชมพูแสนบอบบางในสวนสวรรค์

สายลมพัดไหวผ่านพุ้มต้นไม้

ดอกไม้พรูพราวโปรยแพร่เกลื่อนพื้น

กลิ่นหอมโชยลอยล่องกระจายในสายลม

สะพรั่งเย้ายวนยวนเย้าสะกดจิตชวนหลงใหล

ผี้เสื้อตัวน้อยสะบัดปีกมาสัมผัส

มาพักพิงพักใจแล้วจากไปไกลแสนไกล

ทิ้งดอกไม้ให้เหี้ยวเฉาโดดเดียวเดียวดายเพียงลำพัง



ในม่านหมอกสงคราม
มีองค์กรมากมาย
ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด
แต่ละคนแต่ละพวก
ปราถนาอยากเป็นวีระบุรุษ
อย่างอัศวินขี่มาขาว
และแล้วก็ไม่มีอะไรเปลี่ยน
หนังเรื่องเดิมถูกฉายอีกครั้ง
มีผลประโยชน์มากล้นให้ไขว่คว้า
มีโครงการมากมายให้เก็บกิน
มีสินทรัพย์ล้นเหลือมาแบ่งกัน
มีอาหารให้กินฟรี มีห้องนอนที่เย็นฉ่ำ
มีค่าวิทยากรค่าเดินทางมาจัดสรร
มีโอกาสเดินเที่ยวที่ไหนต่อไหน
งบประมาณนั้นมาจากไหนเป็นของใคร
เป็นของประชาชนมิใช่หรือ
แล้วมันทำให้ชีวิตของประชาชน
หรือชีวิตของคุณดีขึ้น
มันคงไม่มีอะไร
ฉันคงคิดมากไปเอง
ฉันคงมองโลกในแง่ร้ายเกินไป


สายฝนตกกระจายบนหน้าแผ่นดิน
ลบล้างมลทินทั่วปฐพี
แต่มิอาจลบล้างความอยุติธรรม
ที่มีอยู่อย่างแพร่หลายทั่วดินแดนลังกาสุกะ
ก่อเกิดการต่อสู้ของผู้คน
ที่ยอมสูญสิ้นแม้กระทั้งลมหายใจ
เลือดเนื้อของเหล่านักต่อสู้
ถูกจารึกบนหน้าประวัติศาสตร์ รุ่นแล้ว รุ่นเล่า
แต่ไม่เคยสูญสิ้นและจะไม่มีวันสิ้นสูญ
แม้ว่าวันนนี้จะไม่เหลือพื้นดินและพื้นทราย
ที่จะเก็บร่างและวิญญาณของพวกเรา
เราก็ต้องสู้ สู้ด้วยศรัทธาและเชื่อมั่นในชัยชนะ
สู้เพื่อปลดปล่อยสิ่งที่พันธนาการดินแดนและลูกหลานของเรา
สังคมและแดนดินแห่งนี้ เราจะไม่ยอมให้ใครปกครองพวกเรา
เราจะต้องปกครองตัวเราเอง
เราจะต้องกำหนดชะตากรรมด้วยตัวเราเอง
เพราะที่นี้คือมาตุภูมิของเรา เราเท่านั้นที่จะต้องเป็นผู้กำหนด
พวกคุณคงรู้ใช่ไหม ว่าผมหมายถึงอะไร?



มนุษย์เป็นสัตว์สังคมการเมืองที่มีความสามารถในการตัดสินใจกระทำการหรือเลือกสิ่งใด โดยใช้ความคิดเหตุผลของตัวเองเพื่อเลือกสิ่งที่ดีที่สุดหรือมีประโยชน์มากที่สุด การที่มนุษย์ยอมสละสิทธิเสรีภาพบางประการให้แก่รัฐ    เพราะเชื่อว่าจะได้รับผลตอบแทนที่มากกว่าจากรัฐ   ดังนั้นหากการสละสิทธิเสรีภาพและการรวมตัวกันเป็นประชาคมภายใต้สิ่งที่เรียกว่า รัฐ ไม่สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของมนุษย์และสังคมให้ดีขึ้นจึงไม่มีความจำเป็นอันใดที่มนุษย์จะต้องยอมจำนนต่อรัฐ  มนุษย์แต่ละคนจึงมีสิทธิยึดอำนาจและสิทธิเสรีภาพของตนที่เคยมอบให้แก่รัฐกลับคืนมาได้
 ระบอบประชาธิปไตย”   คือ    การปกครองประชาชน    โดยประชาชนและเพื่อประชาชน      ภายใต้ระบอบนี้ประชาชนเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด   มีนัยว่าประชาชนสามารถทำอะไรก็ได้ภายใต้รัฐนั้น    ประชาชนสามารถเปลี่ยนระบอบการปกครองจากประชาธิปไตยเป็นระบอบอื่นได้ถ้าคนส่วนใหญ่ต้องการ    ประชาชนสามารถแยกประเทศได้หากคนในพื้นที่หนึ่งต้องการแยกประเทศ แม้จะเป็นระบอบที่ให้เสรีภาพในการตัดสินใจทั้งหมดอยู่ที่ประชาชน แต่ประชาธิปไตยก็ไม่ยอมให้ประชาชนมาล้มล้างประชาธิปไตยและรัฐด้วยอำนาจสูงสุดนี้        ระบอบประชาธิปไตยจึงต้องมาควบคู่กับหลักนิติรัฐที่ประชาชนไม่สามารถตัดสินใจหรือกระทำการใดๆ หากสิ่งนั้นมีกฎหมายห้ามใว้ อันเป็นการจำกัดผู้มีอำนาจสูงสุดไม่ให้สามารถกระทำการต่างๆที่เป็นการปฏิปักษ์ต่อรัฐและระบอบประชาธิปไตย
การแบ่งอาณาเขตความเป็นรัฐโดยการลากเส้นแดนที่ชัดเจนภายหลังสงครามโลก ทำให้เกิดรัฐต่างๆมากมายทั่วโลก การแบ่งรัฐดังกล่าวนี้ เป็นการใช้วิธีการทางการเมืองที่แยบยลช่วงชิงไหวพริบที่ซับซ้อนของแต่ละรัฐโดยร่วมมือกันระหว่างรัฐที่มีผลประโยชน์ร่วมกันในการกวาดต้อนผู้คนและขยายดินแดนให้กว้างที่สุด    บางกรณีเกิดปัญหาการครอบดินแดนของรัฐหนึ่งมาเป็นส่วนหนึ่งของอีกรัฐหนึ่งและการทับซ้อนของเขตแดนระหว่างรัฐ    โดยข้อจำกัดของพื้นที่โลกที่มีจำนวนจำกัด       ทุกกลุ่มชาติพันธ์จึงมีความต้องการที่จะครอบครองดินแดนอันเป็นขอบเขตแห่งรัฐให้กว้างที่สุดและได้ผลประโยชน์จากรัฐอื่นมากที่สุด      ประจวบเหมาะที่อุดมการณ์ประชาธิปไตยกำลังเติมโต    รัฐที่พึงพอใจต่อดินแดนอาณาเขตของตนที่มีอยู่จึงนำหลักนิติรัฐมาใช้เพื่อการดูแลรักษาดินแดนอาณาเขตของประเทศ     กฎหมายห้ามมิให้มีการแบ่งแยกดินแดนจึงมีปรากฎในรัฐธรรมนูญของรัฐเกือบทุกรัฐ
การเติบโตขึ้นของรัฐดังกล่าวนั้นถือเป็นวิวัฒานาการเปลี่ยนแปลงของโลกที่ปกติอันมีการต่อสู้และแข่งขันระหว่างรัฐตลอดประวัติศาสตร์ของมนุษย์ แต่ในความเป็นรัฐสมัยใหม่รัฐจะต้องจัดการกับความชอบธรรมบกพร่องในอดีตให้ถูกต้องเพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้งภายในรัฐในอนาคต อาทิ การเข้าใจอัตลักษณ์วิถีชีวิตของกลุ่มชาติพันธ์ต่างๆ การให้การรับรองว่าจะมีชีวิตที่ดีกว่าภายใต้รัฐใหม่ การปกครองที่เป็นธรรม การปกครองแบบสหพันธรัฐ เป็นต้น กล่าวคือต้องจัดการให้ประชาชนกลุ่มชาติพันธ์ต่างๆรู้สึกยอมสละอำนาจและสิทธิสรีภาพบางประการของตนให้แก่รัฐ สมัครใจที่จะร่วมทุกข์ร่วมสุขภายใต้การปกครองของรัฐเดียวกัน
หากไม่สามารถจัดการกับความบกพร่องเหล่านั้นได้แล้ว   ความขัดแย้ง   การต่อต้าน   การต่อสู้    หรือแม้กระทั่งสงคราม จะต้องเกิดขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ดังคำกล่าวของคานธีผู้นำการเปลี่ยนแปลงของอินเดียที่ว่า รัฐบาลที่ไม่มีผู้ใดยอมให้ปกครองคือรัฐบาลที่ไร้อำนาจ ส่วนมากจะเกิดจากกลุ่มชาติพันธ์ที่มีความเป็นรัฐที่เข็มแข็งในอดีตและมีความแต่กต่างอย่างสุดขั้วกับกลุ่มชาติพันธ์ส่วนใหญ่ของรัฐ
รัฐคือนวัตกรรมที่มนุษย์สมมุติขึ้นมาเพื่ออำนวยความง่ายดายและประโยชน์ให้แก่มนุษย์      แต่ปัจจุบันมนุษย์มีปัญหาความขัดแย้งกันเนื่องจากมนุษย์ให้ความสำคัญต่อความเป็นรัฐมากกว่าความเป็นมนุษย์ ดังนั้นแม้ว่ามนุษย์จะสร้างระเบียบกฎเกณ์และหลักการมาอย่างไร แต่สิ่งหนึ่งที่เราต้องให้ความสำคัญคือความเป็นมนุษย์ ที่ทุกคนมีความสามารถมีเหตุผลในการเลือกตัดสินใจว่าสิ่งใดเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่สุดสำหรับตัวเอง ฉะนั้นในประวัติศาสตร์ การปกครองกลุ่มชนที่ไม่ยอมอยู่ใต้การปกครองของรัฐมีแต่จะสร้างความเสียหายและบั่นทอนความเจริญก้าวหน้า การพัฒนาของรัฐมาโดยตลอด

                



Translate